ปวีณารับเรื่องเด็กถูกข่มขืนวันเดียว 2 ราย

กันยายน 21, 2016 15:00 โดย opwnews
0
1312

สลด! ปวีณารับเรื่องเด็กถูกข่มขืนวันเดียว 2 ราย

1474470365962

 

พ่อแม่จูงลูกสาววัย 12 นักเรียนชั้นป.5 ร้องปวีณา ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการกับครู ที่ปล่อยให้เด็กออกไปนอกโรงเรียนกับชายแถวบ้านที่มารับ ทั้งที่อยู่ในเวลาเรียน โดยไม่มีการติดต่อสอบถามมายังพ่อแม่ก่อนจะอนุญาต จนลูกถูกข่มขืนยับ ขณะที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแล้ว  อีกราย ลุงเขยขี้เมาข่มขืนหลานสาววัย 12 ปี ขู่ฆ่าห้ามบอกใคร หวั่นน้องสาว 9 ขวบ ถูกข่มขืนอีกคน

 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี คลอง 7 รังสิต-นครนายก ปทุมธานี นายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี และนางอ้อม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา อาชีพรับจ้างทั่วไป พา ด.ญ.เปิ้ล (นามสมมติ ) อายุ 11 ปี บุตรสาว นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี  เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีครูเวรประจำโรงเรียนดังกล่าวปล่อยลูกสาวออกไปนอกโรงเรียนกับชายข้างบ้านที่อ้างว่าแม่เด็กให้ช่วยมารับลูกกลับบ้าน โดยไม่มีการโทรมาสอบถามผู้ปกครองก่อน ทั้งที่เพิ่งเป็นเวลาเข้าเรียนหลังเคารพธงชาติ กระทั่งเด็กถูกบังคับพาไปข่มขืน

 

นายภูมิ เล่าว่า ตนจะไปรับส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน กระทั่งเช้าวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังไปส่งลูกเข้าไปในโรงเรียนแล้วก็กลับไปทำงานตามปกติ จนเวลาประมาณเกือบ 10 โมงเช้า ครูประจำชั้นของลูกสาวโทรมาแจ้งว่ามีคนมารับน้องเปิ้ลออกไปจากโรงเรียนตั้งแต่ก่อนเคารพธงชาติและเพิ่งวกกลับมาเอากระเป๋านักเรียนก่อนจะรีบร้อนกลับไป ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ให้ใครไปรับลูกแต่อย่างใด และรีบออกไปที่โรงเรียนทันที ระหว่างทางพบนายฉ่ำ (นามสมมติ) คนที่รู้จักเพราะอาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกันขี่รถจักรยานยนต์โดยมีน้องเปิ้ลนั่งซ้อนท้ายมาด้วย จึงเรียกให้จอดเห็นนายฉ่ำท่าทีมีพิรุธ ส่วนลูกสาวตนเองอยู่ในชุดนักเรียนมีสภาพเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนทั่วตัว หน้าตามอมแมม และได้วิ่งร้องไห้เข้ามากอดบอกว่า นายฉ่ำไปข่มขืน ซึ่งนายฉ่ำซึ่งอยู่ในอาการเบลอ เมายาและพยายามจะหลบหนี ตนจึงรีบจับกุมตัวไว้พร้อมทั้งตะโกนเรียกให้ชาวบ้านช่วยก่อนโทรแจ้งตำรวจ สภ.หนองเสือมาจับกุมตัวไปดำเนินคดี

 

ส่วนน้องเปิ้ล เล่าว่า วันนั้นนายฉ่ำได้ให้หลานสาวซึ่งเป็นเพื่อนหนูมาเรียกและบอกว่าแม่ให้มารับกลับบ้าน และนายฉ่ำยังได้เดินไปคุยกับครูเวรด้วยความสนิทสนม เพราะเคยเป็นศิษย์เก่าที่โรงเรียนนี้ ก่อนที่ครูจะอนุญาตให้หนูกลับพร้อมนายฉ่ำได้ ปกติแล้วพ่อจะมารับส่งหนูทุกวัน แต่ก็คิดว่าคงติดธุระจึงให้นายฉ่ำมารับ จากนั้นหนูก็นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกไป ระหว่างทางเป็นที่เปลี่ยว นายฉ่ำได้พาเข้าไปในสวนแล้วบังคับให้นอนลงพร้อมกับใช้เหล็กยาวมีด้ามที่พกติดตัวมาขู่จะทำร้ายหากขัดขืน จากนั้นได้ลงมือข่มขืนหนู เสร็จแล้วก็ขู่ห้ามไปบอกใครก่อนจะพาซ้อนรถจักรยายนต์กลับไปเอากระเป๋านักเรียนที่โรงเรียนและพาไปส่งบ้าน แต่พ่อตามมาเจอกลางทางก่อน

 

ด้านนายภูมิ ยังเล่าต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียน ซึ่งสามารถจับภาพไว้ได้ชัดเจน ขณะที่นายฉ่ำไปรับลูกสาวตน จึงเป็นหลักฐานสำคัญ และวันต่อมาตนได้กลับไปที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดแต่ทางโรงเรียนกลับปฏิเสธ ตั้งแต่เกิดเรื่องลูกสาวตนมีอาการซึมเศร้า หวาดผวากลัวคนจะมาทำร้ายตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาครูที่โรงเรียนไม่เคยมาสอบถามหรือเป็นห่วงเด็กเลยแม้แต่น้อย ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมครูถึงได้ปล่อยเด็กออกไปกับคนอื่นที่รับโดยง่าย จนกระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้น ถ้าลูกผมตายไปจะทำยังไง จึงอยากจะขอให้ทางมูลนิธิปวีณาฯช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ส่วนเรื่องคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองเสือ ช่วยเหลืออย่างเต็มที่หลังเกิดเหตุจับกุมคนร้ายไปดำเนินคดี แจ้ง 3 ข้อหา ข่มขืน พรากผู้เยาว์ และข่มขู่จะทำร้ายด้วยอาวุธ พร้อมกับส่งตัวน้องเปิ้ลไปตรวจร่างกาย สอบป.วิอาญา ทั้งยังนำตัวนายฉ่ำไปฝากขังแล้ว

 

ขณะที่นางอ้อมผู้เป็นแม่ กล่าวทั้งน้ำตาว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยถ้าครูไม่ปล่อยเด็กออกไปนอกโรงเรียนกับคนอื่น ทั้งที่ยังอยู่ในเวลาเรียน ครูเวรทำไมไม่ติดต่อมาที่ผู้ปกครองก่อน คนเป็นพ่อเป็นแม่คิดว่าโรงเรียนเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด และครูก็เหมือนพ่อแม่คนที่สองไม่น่าทำอย่างนี้ ถ้าเป็นลูกของครูถูกกระทำเช่นนี้บ้างจะรู้สึกอย่างไร ครอบครัวตนจึงต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมและขอให้ตรวจสอบการกระทำของครู ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก

 

หลังรับเรื่องร้องทุกข์นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังกระทรวงศึกษาเพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว ส่วนเรื่องที่เด็กใกล้สอบคงไม่เป็นปัญหาจะได้ขอให้จัดสอบนอกรอบอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือสุขภาพและจิตใจของเด็กขณะนี้ ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาไปตรวจร่างกายอีกครั้งพร้อมฉีดยาป้องกันโรค นอกจากนี้จะพาไปติดต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อรับเงินเยียวยาผู้เสียหาย พร้อมกับได้ประสานบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานีส่งนักจิตวิทยาเข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจน้องเปิ้ลต่อไป.

 

อีกราย น้าสาวจูงหลานสาว วัย 12 ปี ร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กรณีหลานสาวถูกลุงเขยเมาบังคับข่มขืน ถึง 2 ครั้ง ระหว่างเดือน ส.ค.-ก.ย.59 และขู่ฆ่าห้ามไปบอกใคร เมื่อพาไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รับเรื่อง เนื่องจากพ่อแม่เด็กแยกทางกัน โดยพ่อไปทำงานเป็นลูกเรือประมงออกทะเลครั้งละหลายเดือนกว่าจะกลับ ส่วนแม่ก็หนีหายไม่สามารถติดต่อได้ ปล่อยให้ลูกต้องอยู่กับปู่ ป้า และลุงเขย นอกจากนี้ยังมีหลานสาวอีก 1 คน อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของหลานสาววัย 12 ปี ที่คาดว่าอาจจะถูกลุงเขยล่วงละเมิดทางเพศอีกคน แต่เด็กไม่กล้าพูดทั้งฝ่ายป้าเองก็ไม่ยอมให้หลานออกไปไหน จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพราะเกรงว่าหลานทั้ง 2 คน จะต้องทนทุกข์ทรมานและเป็นอันตราย เหตุเกิดย่านรังสิต ปทุมธานี

 

หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานไปยังพ.ต.อ.สรัพัฒน์ ยศสมบัติ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความพร้อมกับเร่งสอบป.วิอาญาเพื่อออกหมายจับลุงเขย และยังได้ประสานนางสาวภัทรภร อุปริรัตน์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ให้เข้าช่วยเหลือเด็กหญิง 9 ปี ที่ยังอาศัยอยู่กับป้าและลุงเขย ออกมาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป.




--!>