อ.ปูเน่ อนัญญาลัลน์ วัฒนะนุพงศ์ อาจารย์สอนแฟชั่นฯ นักบิด แบรนด์แอมบาสเดอร์

ตุลาคม 5, 2018 09:52 โดย opwnews
0
885

PUNE (1)

ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวนักบิดที่หน้าตาดี บุคลิกดีการศึกษาไม่ธรรมดา มีดีกรีเป็นถึงอดีตรองนางสาวไทยหรือรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์สในปี 2544 และผลงานทั้งละคร ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา พิธีกร และอีกมายเป็นต้น หลายคนจะคงต้องนึกถึงผู้หญิงคนนี้ “ปูเน่ อนัญญาลัลน์ วัฒนะนุพงศ์”

ปัจจุบัน ปูเน่-อนัญญาลัลน์ เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์ วิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต และนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ในนามของ KAWASAKI และล่าสุดกับตำแหน่ง Brand Ambassador ของจักรยานชื่อดังแบรนด์ Specialized กับโมเดลใหม่ล่าสุด All New Venge

PUNE (7) PUNE (5)

“ชอบทุกอย่างที่ทำ ถ้าไม่ชอบจะฝืนและไม่ทำ”

สำหรับอาชีพหลักที่ทำหลังจากเรียนจบ Interior Design ที่ม.รังสิต และ Fashion Design จาก London College of Fashion ได้ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นดีไซน์มาตลอดโดยเน้นการนำความรู้ที่ได้เรียนมาถ่ายทอดสู่รุ่นน้องในฐานะอาจารย์ที่มหาลัยรังสิต ซึ่งอาจารย์ปู่เน่เป็นอาจารย์ที่ไม่เคยยอมแพ้กับความล้าหลัง ตลอด 13 ปีในอาชีพอาจารย์ ทุกวันคือการเรียนรู้ใหม่ ยอมรับและเข้าใจคาแรกเตอร์ของนักศึกษาที่ผลัดเปลี่ยนมาแล้วหลายต่อหลาย Gen ด้วยกัน นักศึกษาของอาจารย์ปูเน่ทุกคนจะไม่เคยรู้สึกซ้ำซากจำเจกับการสอนในแพทเทิร์นเดิมๆ ของอาจารย์เลย ซึ่งเทคนิคอยู่ตรงที่ว่า “ทำตัวให้เหมือนเด็ก” นั่นคือถ้าเราเป็นเด็กก็จะง่ายต่อการเปิดใจรับรู้ กล้าลอง อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง ซึ่งจะทำให้เราแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ตลอด ที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่านักศึกษาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราให้เขา เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีมาไกลเหลือเกิน อยากรู้อะไรก็เสิร์ซหาดูหาอ่านได้ ส่วนจะเข้าใจหรืออยากรู้ว่าผิดหรือถูก เขาจะเอาข้อข้องใจนั่นมาตั้งคำถามกับเราเอง และในฐานะอาจารย์อย่างเราก็มีหน้าที่ช่วยนักศึกษาค้นหา ชี้แนะเพิ่มเติมเพื่อให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่เขาอยากรู้ ซึ่งทำให้ตัวเราสนุกกับงานสอน

ส่วนการเป็นนักแข่งรถ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้วก็เกิดจากดารตกหลุมรักในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ด้วยเหตุผลง่ายๆ แบบสาวไม่ใช่สายหวานนัก คือ รู้สึกชอบ รู้สึกเท่ และมีโอกาสได้เริ่มรู้จักวงการบิ๊กไบด์ การขี่ออกทริป และสนใจการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ในรายการ Moto GP ทำให้ปลุกความรู้สึกในตัวถึงความท้าทายดี เลยตัดสินใจลองเรียน ฝึกฝน ฝึกซ้อมการขับขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ 1-2 ปี จากนั้นจึงชิมรางการแข่งครั้งในรายการ Kawasaki One Make Race และได้รับรางวัลชนะเลิศในปี 2559 หลังจบสนามแรกไปก็หมั่นฝึกฝนมาเรื่อยและลงแข่งในสนามต่อๆไป ซึ่งทั้ง 2 สองอาชีพหลักๆ ของอาจารย์ปูเน่ เป็นสองสิ่งที่ทำด้วยความชอบทั้งหมด ไม่ได้บังคับตัวเองว่าต้องทำอันไหนให้ดีไปกว่ากัน แค่เรารู้จักตัวของตัวเอง ไม่ว่าทำอะไรก็จะสนุกกับสิ่งที่ทำทั้งหมด

PUNE (9)

“ต้องแข็งแรง และมีสมดุลในชีวิตถึงจะไปได้ดี”

อาจารย์ปู่เน่มีเคล็ดลับความสำเร็จของชีวิตในรูปแบบง่ายๆ อยู่ 2 สิ่งที่สำคัญ นั่นคือ (สำหรับสายนักบิด) สิ่งแรก างกายต้องแข็งแรงเราต้องดูและสุขภาพร่างกาย หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เราสามารถควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งเข้าโค้งเยอะยิ่งต้องใช้พลังมาก ฉะนั้นต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และแน่นอนเมื่อเรามีอาชีพอื่นอีกก็ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้เป็น ไม่ว่าจะการซ้อม การสอน การแข่ง แต่ละกิจกรรมจะมีการแมนเนจไว้ล่วงหน้า วันไหนไม่มีสอนถึงจะไปซ้อม หรือลงแข่งในสนามต่างๆ ส่วนทุกเย็นจะต้องออกกำลังกายไปด้วย และสิ่งที่สองคือ การมีจิตที่นั่ง นั่นคือการนั่งสมาธิ สิ่งนี้จะช่วยในการจัดการกับอารมณ์ได้ดี ทำให้เรามีสติไม่ตื่นเต้นทั้งในการแข่งขัน หรือการสอน รวมถึงการทำกิจกรรมอื่นๆ  เมื่อจิตเรานิ่งขึ้นจะทำมีความคงที่ด้วยนั่นเอง

PUNE (11) PUNE (3)

“ข้อคิดในการเริ่มต้นค้นหาความชอบและตัวตน”

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาจารย์ปู่เน่เล่าว่า นี่ก็มาไกลและเกินความคาดหวังของเราทุกอย่างแล้ว จากตอนแรกแค่นึกว่าจะลงแข่งเอาประสบการณ์ แค่มีรถ 1 คัน กลายเป็นมีทีจากเล็กๆ ลองแข่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้กลายเป็นทีมที่ใหญ่มีคนสนใจมาอยู่ในทีมเยอะพอสมควร ประกอบกับมีผู้สนับสนุนเข้ามาเยอะแยะมากมาย ทำให้เราเกิดความพึงพอใจกับความ “ชอบ” ในความเป็นตัวของเราแบบนี้เอง ทำให้ราคิดถูกเสมอ ถึงแม้การการแข่งรถจะเป็นความชอบที่มาที่หลัง และเริ่มต้นอายุเยอะแล้วก็ตาม แต่ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ได้เสมอ ทำให้เราเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เต็มที่ อาจารย์ปู่เน่ขอฝากถึงนักศึกษา และเยาวชนรุ่นใหม่ทุกคน หากคิดว่าอาจารย์ปู่เน่ดูเก่ง ดูเท่ ดูอยากเอาเยี่ยนอย่างแล้วหล่ะก็ ต้องบอกเลยว่าอาจารย์ปู่เน่ไม่ได้เก่งที่สุด ยังมีคนอีกมากมายที่น่าสนใจ แต่อยากสื่อสารว่า “เราเป็นอาชีพอะไรก็ได้ แค่เราทำผลงานของเราออกมาให้ดีที่สุดก็พอ และรู้สึกอยากจะทำอยากที่จะพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมาตลอดเวลา” นี่แหละ ความชอบในสิ่งที่เราทำจะทำให้เรามีคุณค่า และมีความหมายในชีวิตมากที่สุด




--!>