ปทุมธานี นายจรูญศักดิ์ สิงหเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานเปิด โครงการ“ ปั่นไปไม่ทิ้งกัน (NO ONE Left Behind) ปี 2562″ พร้อมด้วยศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ
ปทุมธานี นายจรูญศักดิ์ สิงหเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานเปิด โครงการ“ ปั่นไปไม่ทิ้งกัน (NO ONE Left Behind) ปี 2562″ พร้อมด้วยศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ เป็นผู้นำขบวนพร้อมคณะปั่นจักรยาน หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 เมื่อเวลา 08.00 น. มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการจัดกิจกรรม โครงการคนพิการเข้าถึงสิทธิได้จริง “ ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ (No One Left Behind)” และคณะดำเนินงานที่ร่วมกันจัดโครงการในครั้งนี้ ซึ่งมูลนิธิฯได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นประธานเปิดโครงการ“ ปั่นไปไม่ทิ้งกัน” No One Left Behind และทรงร่วมปันจักรยานจากกรุงเทพฯไปจังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 และทางมูลนิธิฯได้ดำเนินโครงการ ในระหว่างวันที่ 9 – 22 กุมภาพันธ์ 2562 จากกรุงเทพฯถึงศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ผ่าน 15 จังหวัดคือกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี นครราชสีมา ลพบุรี สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี และนครปฐมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนเพิ่มจำนวน 118 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ให้แล้วเสร็จ และเริ่มก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม รณรงค์สังคมเพื่อสร้างความตระหนัก และความรู้เกี่ยวกับคนพิการ ทั้งด้านศักยภาพในการทำงานและการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลทั่วไปของคนพิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและเพื่อเป็นต้นแบบในด้านการฝึกอาชีพคนพิการในภูมิภาคอาเซียน ในลักษณะการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้นำสู่ท้องถิ่นและจากรุ่นสู่รุ่นของคนพิการ เพื่อพัฒนาทักษะและสร้างความเป็นผู้นำให้กับคนพิการในสังคม
เนื่องจากปัจจุบันมีคนพิการที่อยู่ในวัยทำงาน 8 แสนคน ซึ่งมีคนทำงานอยู่เพียง 2 แสนคนและส่วนใหญ่เป็นอาชีพอิสระ มีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่มีเงินอยู่เป็นหมื่นล้านบาท แต่ขาดศูนย์ฝึกอาชีพที่จะนำเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการไปฝึกอาชีพอิสระให้แก่คนพิการที่รอคอยให้เปลี่ยนภาระให้เป็นพลังอยู่เป็นจำนวนมาก ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จะไม่สามารถพาคนพิการให้ก้าวพ้นจากการเป็นคนยากจนหรือคนที่เป็นภาระให้เป็นคนที่พึ่งตนเองเป็นคนที่มีพลังไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เงินทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนที่บริจาคในการสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนอำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้การจัดตั้งสำเร็จบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สหรัฐ แก้วตา ปทุมธานีรายงาน