ม.รังสิต มุ่งผลิตบัณฑิตเป็นนัก Startup พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลักดันผู้ประกอบการใหม่รองรับสังคมผู้สูงอายุในไทย
คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต มุ่งพัฒนางานวิจัยและผลิตบัณฑิตที่เป็นนัก Startup เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลักดันผู้ประกอบการใหม่รองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย
รองศาสตราจารย์ นันทชัย ทองแป้น คณบดีคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าจากข้อมูลที่สำนักงานสถิติแห่งชาติสรุปไว้ว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุตั้งแต่ พ.ศ. 2548 โดยมีประชากรผู้สูงอายุ ร้อยละ10.4 ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในช่วง พ.ศ.2567-2568 นั้น
“เนื่องจากสังคมผู้สูงอายุ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้เตรียมความพร้อมให้กับบัณฑิตที่จะต้องออกไปเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ประกอบกับวิสัยทัศน์ของคณะฯ ในการก้าวสู่ “คณะแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์” จึงได้กำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักในการวิจัย โดยการที่จะบูรณาการศักยภาพในทุกด้าน เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุขึ้นมา รวมทั้งเน้นการผลิตบัณฑิตที่เป็นนัก Startup เพื่อสร้างผู้ประกอบการใหม่รองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย เพื่อใช้ในการรองรับปัญหาดังกล่าว โดยการผลักดันให้บุคลากรและห้องวิจัยที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ห้องวิจัยทางด้านชีวฟิสิกส์ ไบโอเซ็นเซอร์และวัสดุชีวการแพทย์ (ThEP Research Lab) เป็นห้องวิจัยที่ได้รับการรับรองจากสำนักพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สบว.) ให้เป็นหนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ (ThEP) เพื่อสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานในระดับสากล ห้องวิจัยทางด้านการประมวลผลสัญญาณและภาพทางการแพทย์ (SIP Research Lab) ห้องวิจัยหุ่นยนต์ทางการแพทย์และปัญญาประดิษฐ์ (ROM & AI Research Lab) ห้องวิจัยเครื่องมือแพทย์และวิศวกรรมคลินิก (BMI&CE Research Lab) และห้องวิจัยทางด้านสารสนเทศศาสตร์ชีวเวชและสาธารณสุข (BPHI Research Lab) ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความร่วมมือกันเป็นเครือข่าย มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมและผลิตบัณฑิตให้เป็นนัก Stsrtup ในการร่วมขับเคลื่อนผู้ประกอบการใหม่เพื่อผู้สูงอายุของประเทศไทย ทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองได้ กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ และผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยทิศทางการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุได้เน้นในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการวินิจฉัยและการฟื้นฟูในด้านการมองเห็น 2.การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน ของผู้สูงอายุและผู้ดูแล 3.การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอำนวยความสะดวกอุปกรณ์เพื่อปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ให้กับผู้สูงอายุ 4.หุ่นยนต์เพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้สูงอายุ และ 5.การบูรณาการระบบการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) เข้ากับไอโอทีเทคโนโลยี(Internet of Things) ในการที่จะพัฒนานวัตกรรมด้านการดูแลรักษาสุขภาพแบบดิจิตอล(Digital Healthcare)ประเภทอุปกรณ์สวมใส่(Wearable Device) ที่มีการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น
ด้วยความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร และระบบโครงสร้างพื้นฐานในทุกด้านของคณะฯ รวมทั้งเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและนอก และการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยรังสิต เรามีความเชื่อมั่นว่านับจากนี้ไปจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการวินิจฉัย บำบัดฟื้นฟูผู้สูงอายุ ที่เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของคณาจารย์และนักศึกษา จากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมารับใช้สังคมเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยและนโยบายประเทศไทย 4.0 อย่างแน่นอน” คณบดีคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเสริม