เศรษฐีนี ร้องสื่อ อดีตลูกน้องสาวลวงสามีป่วยโรคสมอง หายไปจากบ้าน มีทรัพย์สินติดตัวไปหลายแสน

มีนาคม 11, 2024 12:38 โดย opwnews
0
335

เศรษฐีนี ร้องสื่อ อดีตลูกน้องสาวลวงสามีป่วยโรคสมอง หายไปจากบ้าน มีทรัพย์สินติดตัวไปหลายแสน1710160480468 1710160550300 1710160491200 1710160491073

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ได้รับแจ้งจาก นส.มัลลิกา โกละกะ อายุ 57 ปี ที่อยู่ 401/154 ซอยแจ้งวัฒนะ 10 แขวง ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้แจ้งว่า แฟนตนเองชื่อ นายสรายุทธ หรื ยุทธ ยิ่งเจริญ อายุ 53 ปี ที่อยู่ 170/69 หมู่บ้านภัสสร ถนนราชพฤกษ์-ติวานนท์ หมู่ที่ 1 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้หายตัวออกจากบ้านเลขที่ 170/69 หมู่บ้านภัสสรถนนราชพฤกษ์-ติวานนท์ หมู่ที่ 1 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยน่าจะมีคนเอารถมารับไป ปัจจุบัน นายสรายุทธ ยิ่งเจริญ ยังไม่กลับมาบ้าน ผู้แจ้งเป็นห่วง เกรงว่า นายสรายุทธ ยิ่งเจริญ จะได้รับอันตราย เบื้องต้นได้แจ้งความร้องทุกพข์ไว้กับ พ.ต.ต. ชัยพัชร์ อารีย์วงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานีแล้ว

ทางด้าน นส.มัลลิกา โกละกะ อายุ 57 ปี กล่าวเปิดเผยว่า เริ่มต้นจากที่ ตนเองจะหาซื้อตู้เย็นให้กับ แล้วเข้าไปในกลุ่มเพจซึ่งผู้ขายเป็นผู้ชาย 1 คนซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้าน จึงได้นัดดูของ เมื่อไปดูของแล้วไม่ถูกใจ จนกระทั้งตอนเย็นชายคนดังกล่าวก็ได้โทรมาสอบถามตนเองจึงปฎิเสธไป และวันต่อมา ชายคนดังกล่าวก็ได้โทรมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ได้โทรมาขอความช่วยเหลือ โดยอ้างว่าตนเองมีภรรยาและแม่ที่ป่วยพร้อมกับลูกที่เป็นออทิสติก อยากกลับมาอยู่ที่ปทุมธานี ซึ่งขณะนี้ตนเองทำงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยความสงสาร จึงได้ว่าจ้างรถตู้ทึบ ไปพาครอบครัวนี้กลับมา อยู่ห้องเช่าเดิมของเขาใกล้ใกล้หมู่บ้าน แต่ก่อนที่จะเริ่มขายทางผู้ชายคนดังกล่าว ก็บอกว่าตนเองนั้นเบิกตังค์ล่วงหน้ากับนายจ้างเก่ามาเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท ถ้าไม่คืนให้เขาเขาจะแจ้งความดำเนินคดี ตนเองจึงโอนไปให้ 3,000 บาท ซึ่งในขณะนั้นตนเองก็ยังไม่ได้พบเจอครอบครัวนี้เลยเพราะงานยุ่งมาก จนกระทั่งได้เรียกครอบครัวนี้มาพบ ซึ่งตนเองก็ได้สอบถามว่าจะกลับมาทำอะไร ทางด้านผู้ชายได้บอกว่าตนเองทำอาหารอาหารตามสั่งเป็น ซึ่งตนจึงได้หาที่ และซื้อเต็นท์พร้อมกับอุปกรณ์การทำอาหารและของสดเพื่อนำมาขาย หลังจากขายได้หนึ่งวันทางผู้ชายคนนึงกล่าวก็บอกว่าขายไม่ไหวทำไม่ได้แล้ว ซึ่งตนเองก็รู้สึกเสียอารมณ์ จึงถามไปว่าแล้วจะทำยังไง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะได้เสนอว่าให้แฟนตน ชื่อ น.ส.สายฝน หรือฝน เหลืองสนธยา อายุ 44 ปี ที่อยู่ 95/29 หมู่ที่ 5 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ทำงานแทน

ตนเองจึงถามไปว่าทำอะไรเป็นบ้าง เค้าก็บอกว่าทำความสะอาดได้ ตนเองจึงรับเข้ามาทำงานเพื่อให้ดูแลดูแลร้านซักผ้า หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ตนเองได้เดินทางไปที่ภาคใต้ เพื่อนำลูกน้องไปส่งให้เพื่อนสนิท โดยนำรถไปสองคัน ตนเองกับสามีและลูกน้องอีกคนได้ไปรถอีกหนึ่งคัน และให้คนขับรถอีกคนเดินทางไปกลับนางฝน และตอนเวลาที่จะเดินทางกลับตนเองได้ให้สามีกลับ นางฝน เดินทางกลับมาก่อนเพราะตนเองต้องอยู่เพื่อดูงานที่นู่น หลังจากกลับมาได้ไม่นาน ตนเองก็พบว่า ร้านค้าที่ตนตนเองเปิดไว้ที่บ้าน ไม่มีใครอยู่แต่ตนสังเกตุเห็นว่ามีรองเท้าของนางฝนวางอยู่หน้าบ้าน ส่วนแฟนตนก็หายไป ตนเองเดินหาก็ไม่พบจึงได้ไปเคาะที่ห้องกระจกที่อยู่ข้างร้านค้าก็ไม่มีใครออกมา เมื่อตนไปเคาะครั้งที่สองและเสียงดัง แล้วตนก็แอบมามองดูอยู่ข้างข้างก่อนจะพบนางฝน เดินออกมา ตนเองจึงถามว่าสามีตนไปไหน นางฝนบอกว่าอยู่ในบ้าน โดยนางฝนอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ ตนเองจึงได้เรียกทั้งสองคนมาคุย ก่อนที่จะไล่นางฝนออก จากนั้นตนก็ต้องเดินทางออกต่างจังหวัดโดยนำสามีไปด้วย ระหว่างทางตนเองได้บอก ให้สามีมาเปลี่ยนขับรถ ซึ่งสามีนั้นขับรถได้แต่ต้องมีคนนั่งไปด้วยตลอดเพื่อบอกทางเพราะบางทีแกหลงและจำเส้นทางไม่ได้ เมื่อสามีขับไปได้มีโทรศัพท์เข้ามาทาง Messenger ซึ่งนางฝนได้โทรมา ตนเองจึงรับสายแล้วบอกว่ายังไม่จบอีกเหรอ ก่อนที่ตนเองจะวางและปิดมือถือ ซึ่งวันที่สามีตนหายไป ได้มีทรัพย์สินติดตัวไปด้วยเป็น สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทองหนัก 2 บาทอีกหนึ่งองค์ เงินสดจำนวน 10,000 บาท โดยตนเองพบว่าวันนั้นเงินในบัญชีจำนวนหนึ่ง ได้ถูกโอนไปให้กับ พี่เขยของนางฝน อีกด้วย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมาตนเองได้ พาครอบครัวและลูกน้องไปทานข้าวและกลับมาถึงบ้านช่วงเย็น โดยเปิดโทรศัพท์ของสามีและเสียบชาร์จแบตไว้ในรถ จังหวะนั้นสามีได้เดินออกไปที่รถแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาพูดคุย โดยตนเองไม่เห็น แต่ลูกน้องเป็นคนบอกว่าสามีคุยโทรศัพท์แต่ไม่รู้ว่าคุยกับใคร ก่อนที่สามีจะเดินมาบอกว่าขอไปเดินออกกำลังกายนอกบ้าน เวลาผ่านไปไม่นาน ตนเองได้โทรศัพท์ไปหาสามีโดยสามีบอกว่าเพิ่งจะเดินได้รอบเดียวขอเดินต่ออีกรอบ ตนเองก็บอกให้ระวังจะลื่นล้ม จากนั้นลูกน้องที่อยู่ที่บ้านบอกว่าเดี๋ยวตนจะวิ่งไปดู พอวิ่งไปสักพักก็ได้กลับมาบอกว่าไม่เจอสามีตน ตนเองจึงได้โทรศัพท์หาสามีอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ติดจึงได้ออกตามหาก็ไม่พบ ก่อนที่จะเดินไปสอบถามรปภ. ที่หน้าหมู่บ้าน ก็ได้ความว่าสามีตนเองนั่งรถแท็กซี่ออกจากหมู่บ้านไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

ตนเองจึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ. เมืองปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ช่วยกันออกตามหาโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดต่างๆ จนพบรถแท็กซี่ที่มารับสามีไป และตรวจสอบเส้นทางพบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ไปส่งสามีกับนางฝน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวแถวตลาดพูนทรัพย์ ของคืนวันที่ 5 มี.ค. จากนั้นเช้าวันที่ 6 มี.ค. ทั้งคู่ได้ออกจากโรงแรมแล้วขึ้นรถแท็กซี่อีกคัน เพื่อไปส่งที่บริเวณท่ารถตู้ตรงข้ามศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต แต่กล้องบริเวณนั้นเสียจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าสามีและนางฝน ขึ้นรถรถตู้ไปที่ใด ตนเองจึงอยากวิงวอนและขอร้อง หากมีผู้ใดพบเห็นสามีตนหรือว่านางฝน ก็สามารถแจ้งมาได้ที่ สภ. เมืองปทุมธานี ถ้าสามารถนำสามีกลับมาได้ซึ่งตนเองก็จะมีสินน้ำใจ ให้ผู้แจ้ง ให้เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท อีกด้วย เพราะตอนนี้ตนเองเป็นห่วงสามีมาก เนื่องจากสามีป่วยมีสมองซีกเดียว และต้องรับการรักษาและกินยาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งตนเองมั่นใจว่า ที่สามีตนเองนั้นออกจากบ้านไป ต้องเป็นเป็นการไม่ประสงค์ดีกับสามีตนแน่ และนางฝน อาจจะไม่ได้ทำคนเดียวน่าจะต้องมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ซึ่งตนคิดว่านางฝน ไม่สามารถทำเองได้ด้วยตัวคนเดียว แถมเงินยังถูกโอนไปให้บุคคลที่สาม ส่วนสามีของนางฝน ก็ยังคงพักอาศัยอาศัยอยู่ที่เดิม ส่วนลูกนางฝนได้เอาไปฝากไว้ให้พี่สาวเลี้ยง แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองปทุมธานี ได้เร่ง ตามหาสามีของตนอยู่ แต่ต้นเกรงว่าหากเงินที่สามีมีติดตัวไปหมด เค้าอาจจะทำอย่างอื่นมากกว่านี้และเกรงเกรงว่าสามีจะไม่ปลอดภัย




--!>