ผบช.ภ.3แถลงผลการกวาดล้างอาชญากรรมก่อนสงกรานต์61 พร้อมปกป้องชีวิตและทรัพย์สินประชาชนย้ำมาตรการเข้มความปลอดภัย24ชั่วโมง
วันนี้(11เม.ย.61) เวลา 10.45น. ที่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการตามแผน/มาตรการป้องกัปราบปราม อาชญากรรมในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 1 – 10 เมษายน 2561 โดยมีผลการจับกุม ดังนี้ กลุ่ม 1 ความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ จับกุม 75 คดี ผู้ต้องหา 81 คน กลุ่ม 2 ความผิดเกี่ยวกับคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ จับกุม 108 คดี ผู้ต้องหา 113 คน กลุ่ม 3 ความผิดพิเศษ จับกุม 65 คดี ผู้ต้องหา 77 คน กลุ่ม 4 ความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย จับกุม 4,616 คดี ผู้ต้องหา 5,112 คน โดยแยกผลการจับกุมตามประเภทความผิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญ ดังนี้ 1. คดีหมายจับค้างเก่า จำนวน 115 หมาย 2.คดีอาวุธปืนและวัตถุระเบิด จำนวน 166 ราย อาวุธปืนจำนวน 173 กระบอก อาวุธไม่มีทะเบียน จำนวน 171 กระบอก กระสุนปืน 1,154 นัดอาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืน 17 นัด วัตถุระเบิด จำนวน 2 ราย ระเบิดปิงปอง 5 ลูก กระสุนปืนจำนวน 12 ราย กระสุนปืน 56 นัด 3. คดียาเสพติด จำนวน 3,483 ราย ผู้ต้องหา 3,553 คน (ยาบ้า 240,933 เม็ด, กัญชาแห้ง 8 ห่อ และอีก 912.52 กรัม, กัญชาสด 5 ต้น และอีก 0.80 กรัม, พืชกระท่อม 137 ใบ และอีก 3 ต้น, สารไอซ์ 260.44 และอีก 12 ถุงเล็ก, กาว 5 ถุง และอีก 1 กระป๋อง, ทินเนอร์ 1 ถุง) 4. คดีสำคัญ/คดีที่น่าสนใจ 5 คดี คือคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อวันที่ 9 เม.ย.61 เวลาประมาณ 12.00 น. นายพิชิตชัย พิพิธกุล ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยิง น.ส.พิมพ์ชนก แสนรัตน์ (ภรรยา) ถึงแก่ความตาย ที่บ้านพัก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก ยาไอซ์ 2 ถุง และยาบ้า 486 เม็ด นำส่ง พงส.สภ.เทพสถิต จว.ชัยภูมิ ดำเนินคดี , คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 เวลาประมาณ 19.00 น. ได้รับแจ้งพบศพ ที่บริเวณป่าต้นกก ด้านใต้อ่างห้วยยาง ม.5 ต.สุรนารี อ.เมือง จว.นครราชสีมา จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต คือ นายพลากร ทูโคกกรวด อายุ 27 ปี สภาพศพถูกของมีคม บริเวณใบหน้า ไหล่ซ้าย และหลัง จากการสอบสวนทราบว่า นายพลากรฯ ออกจากบ้านพักเมื่อวันที่ 3 เม.ย.61 เวลาประมาณ 02.00 น. และหายตัวไป ญาติได้ออกตามหา จนพบศพนายพลากรฯ อยู่ที่เกิดเหตุ ดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้ คือ นายสงกรานต์ อ้วนจันทึก อายุ 19 ปี และนายเวชรัตน์ โชกโคกกรวด อายุ 18 ปี จึงนำตัวไปดำเนินคดี , คดีชิงทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.60 เวลาประมาณ 01.15 น. นายวีระศักดิ์ สาดา สวมหมวกกันน็อค เข้ามาในร้านเซเว่น-อิเลฟเว่น สาขาตำบลสามแยก แล้วใช้มีดเป็นอาวุธ บังคับ ขู่เข็ญ ให้พนักงานส่งโทรศัพท์มือถือ ราคา 1,690 บาท จำนวน 1 เครื่องให้ แล้วขับขี่จักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ ชึ่งจอดอยู่ริมถนนหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 4 เม.ย.61 เวลา 15.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ พงส.สภ.เลิงนกทา จว.ยโสธร ดำเนินคดี , คดีชิงทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.61 เวลาประมาณ 10.00 น. นายภูมินทร์ หล่าหนูเหม่า อายุ 17 ปี ได้ขโมยเงิน จำนวน 2,190 บาท พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายและข่มขืน นางแผง ชุยรัมย์ อายุ 72 ปี แล้วหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ พงส.คูเมือง จว.บุรีรัมย์ ดำเนินคดี และคดียาเสพติดรายใหญ่ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 ชุด ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ จับกุมผู้ต้องหา 6 คน ขยายผลคดียาเสพติดไปยังพื้นที่ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี และมีการตรวจยึดของกลาง 138,000 เม็ด ที่ริมแม่น้ำโขง บ้านแก้งเกลี้ยง ต.เขมราฐ จากนั้นได้ขยายผลไปยังพื้นที่ตอนในของ จว.อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ โดยได้ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ด้วยในระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2561 เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี ซึ่งเป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกันหลายวัน ช่วงดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อร่วมฉลอง วันสงกรานต์และวันแห่งครอบครัวตามประเพณีไทย หรือเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากและนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไป อีกทั้งสถานที่บางแห่งได้จัดงานหรือมีกิจกรรมรื่นเริง มีประชาชนไปร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และอาจทำให้กลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีเข้ามาฉวยโอกาสก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้สั่งการให้สถานีตำรวจในสังกัดดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น
นอกจากระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์แล้ว ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เตรียมความพร้อมกำลังพลและเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และวางมาตรการในการลดอุบัติเหตุบนถนน อีกทั้งยังได้ดำเนินการ “โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านในช่วงเทศกาลสำคัญ” โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา มีประชาชนฝากบ้าน จำนวน 722 หลัง ซึ่งในปี 2561 นี้คาดว่าจะมีจำนวนฝากบ้านเพิ่มมากขึ้น และตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดทำ “โครงการสายตรวจ QR Code 4.0” มาใช้กับโครงการนี้ โดยติดตั้งบาร์โค๊ค (แทนการติดตั้งตู้แดง) ไว้บริเวณบ้านที่เข้าร่วมโครงการ แล้วจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจตามห้วงเวลา โดยใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนสแกนบาร์โค๊ด ระบบจะนำเข้าและบันทึกการตรวจลงในฐานข้อมูลโดยอัตโนมัติ เป็นการตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สายตรวจ เพื่อควบคุมและป้องกันเหตุอาชญากรรม
พิสิษฐ์ เขื่อนเพ็ชรต์ / ศูนย์ข่าวนครราชสีมา