มอนเตเนโกรเตรียมหันหน้าพึ่งอียู ชี้ศก.แย่ลงต่อเนื่อง หลังมอบสัญชาติให้ “แม้ว”

เศรษฐกิจมอนเตเนโกรแย่ลงเรื่อยๆ หลังทักษิณได้สัญชาติ

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- รัฐบาลมอนเตเนโกร เตรียมเปิดการเจรจากับสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกในอนาคต ซึ่งการเข้าเป็นสมาชิกอียูได้กลายมาเป็น “ความหวังใหม่” ของชาวมอนเตเนโกร 650,000 คนทั่วประเทศที่กำลังประสบความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางปัญหาการทุจริตและอาชญากรรมที่พุ่งสูง รวมถึง ความล้มเหลวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เคยให้คำมั่นจะดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศ หลังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลมอนเตเนโกรถึงขั้นมอบสถานะพลเมืองให้เมื่อหลายปีก่อน

รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงปอดโกริกา เมืองหลวงของมอนเตเนโกรระบุว่า ขณะนี้ทางอียูได้เห็นชอบตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะเริ่มกระบวนการพิจารณารับอดีตดินแดนส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียแห่งนี้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ในอนาคต แต่ทางอียูได้ออกโรงเตือนรัฐบาลมอนเตเนโกรภายใต้การนำของประธานาธิบดีฟิลิป วูยาโนวิช ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2003 ให้เร่งล้างบางปัญหาการทุจริตโกงกินและการแผ่ขยายอิทธิพลของพวกอาชญากรในประเทศให้ได้เสียก่อน

ดาลิบอร์กา อุลยาเรวิช นักวิเคราะห์ด้านการเมืองชื่อดัง รวมถึง ศาสตราจารย์กอร์ดานา ยูโรวิช ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยปอดโกริกา ต่างออกมาให้ความเห็นว่า ปัญหาสำคัญของมอนเตเนโกรในขณะนี้ คือ สภาพเศรษฐกิจอันเลวร้าย อัตราการว่างงานของประชาชนที่พุ่งสูงถึง 13 เปอร์เซ็นต์ และยอดหนี้สาธารณะที่สูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจมอนเตเนโกรในปีนี้คาดว่าอาจมีการเติบโตได้เพียงแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

รายงานระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลมอนเตเนโกรต้องปรับเปลี่ยนนโยบายด้านเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากที่เคยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวดังเช่นหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า บรรดานักลงทุนที่รัฐบาลมอนเตเนโกรเคยคิด “ฝากผีฝากไข้” ให้ช่วยดึงการลงทุนเข้ามาในประเทศหลายราย เช่น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจเมื่อปี 2006 และได้รับสถานะพลเมืองพิเศษของมอนเตเนโกรราวช่วงปี 2009-2010 นั้น ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการทำตามคำมั่นสัญญาด้านการลงทุน

ตัวเลขจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจในกรุงปอดโกริการะบุว่า ในปี 2010 และ 2011 ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลมอนเตเนโกรฝากความหวังให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และนักลงทุนชื่อดังหลายราย ช่วยดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศเพื่อตอบแทนการได้รับสถานะพลเมืองมอนเตเนโกรนั้น ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในดินแดนแห่งนี้กลับลดน้อยถอยลงอย่างน่าใจหายถึง 1 ใน 3 และการลงทุนจากต่างชาติยังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในปีนี้ เห็นได้จากช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ที่ การลงทุนจากต่างชาติในมอนเตเนโกร ร่วงลงถึง 46 เปอร์เซ็นต์

นักวิเคราะห์ระบุว่า การลดลงอย่างต่อเนื่องของการลงทุนจากต่างชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับระยะเวลาที่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตรายนี้ ได้รับสัญชาติมอนเตเนโกรนั้น ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่า นโยบายการนำเอา “สัญชาติและหนังสือเดินทาง” มอนเตเนโกรไปแลกเปลี่ยนกับการลงทุนนั้น เป็นนโยบายที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของรัฐบาลและประธานาธิบดีวูยาโนวิช และถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูปทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังในแนวทางที่โปร่งใส เพื่อการเข้าเป็นสมาชิกอียูในอนาคต