“เวลาที่เหลืออยู่” คำนี้มีความหมายมากในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี
บทความพิเศษ 30 ตุลาคม 2561
“เวลาที่เหลืออยู่” คำนี้มีความหมายมากในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี จะมีผู้อาวุโสหลายท่าน ที่พ้นวัยการทำงานในหน้าที่ข้าราชการทั้งที่บางท่านยังมีความสามารถที่จะทำงานให้กับประเทศชาติแผ่นดินได้ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งจนกระทั่งมีผู้สร้างแนวคิดว่าจะขยายเวลาการทำงาน ซึ่งยังไม่ได้มีการสรุปในประเด็นนี้ แต่อย่างไรก็ดีก็ยังมีหลายท่านที่พ้นวัยการทำงานหรือเกษียณอายุ ได้เริ่มวางแผนการทำงานด้วยเงินที่ได้รับจากบำเหน็จบำนาญไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านเกษตรหรือการลงทุนด้านการเงินในอดีตที่ผ่านมา ก็มีไม่น้อยที่หลายท่าน หลงเชื่อในการลงทุนผิดๆ แล้วถูกกระบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งมีหน้ามีตาในสังคม ฉ้อโกงอย่างไร้ยางอายจนหมดเนื้อหมดตัวกับเงินที่จะใช้ในบั้นปลายชีวิต ก็คงเป็นเรื่อง ที่หลายท่านต้องพิจารณาป้องกันก่อนจะเกิด เท่าที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่อง บุคลากรของรัฐ ที่พ้นวัยเกษียณอายุ ซึ่งยังคงมีความสามารถ หลายคนก็กลับไปช่วยเหลือสังคม ที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถโดยไม่หวังค่าตอบแทนเช่นเป็นคณาจารย์สอนหนังสือ แม้ในโรงเรียนที่เดิมหรือสอนหนังสือพิเศษที่บ้าน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้พัฒนาตนเองในวัยเกษียณอายุใช้ช่วงเวลาที่เหลืออย่างมีคุณค่าประโยชน์ต่อสังคม บางรายก็ ทำการเกษตรด้วยความรู้ความสามารถที่มีอยู่ บางรายก็ใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยการเลี้ยงบุตรหลาน โดยหาสถานที่พักอาศัยที่มีอากาศดีๆก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง บางรายก็ไปเป็นที่ปรึกษาด้วยการใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ในกิจการของบริษัทต่างๆ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งแต่หลายคนก็ลงทุนผิดๆจนสิ้นเนื้อประดาตัวก็มี ต้องยอมรับจริงๆ ว่าสังคมวัยสูงอายุ จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเรื่องการขยายระยะเวลาการทำงาน ก็อาจจะช่วยให้คำว่าเวลาที่เหลืออยู่ก็จะมีประโยชน์ต่อสังคมประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
สำเริงจริตพันธ์
บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เปิดข่าว
30 ตุลาคม 2561