ปทุมธานี สถานีตำรวจภูธรสามโคก จัดทำโครงการ ” หมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 1″ ร่วมกันเดินรณรงค์ตามไปตามแหล่งชุมชนในพื้นที่เพื่อรณรงค์ตามโครงการฯ ณ สถานีตำรวจภูธรสามโคก ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

มกราคม 21, 2019 07:39 โดย opwnews
0
623

1068610 1068614 1068779

ปทุมธานี สถานีตำรวจภูธรสามโคก จัดทำโครงการ ” หมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 1″ ร่วมกันเดินรณรงค์ตามไปตามแหล่งชุมชนในพื้นที่เพื่อรณรงค์ตามโครงการฯ ณ สถานีตำรวจภูธรสามโคก ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

1068628 1068626 1068619 1068620
วันที่ 21 มกราคม 2562 เมื่อเวลา 09.00 น.  พันตำรวจเอกประเวศ ศรีนาค รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสามโคก พร้อมด้วยพันตำรวจโทปัญญวัชร์ มีชำนาญ สารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก ร้อยตำรวจเอกสมัย ดงรังษี รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรสามโคก ร้อยตำรวจเอกสันทัด ผายชำนาญ รองสารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก นายสายชล ภู่เฉลิมตระกูล กำนันตำบลคลองควาย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ฝ่ายปกครองอำเภอสามโคก และผู้ขับขี่มอไซค์รับจ้างในพื้นที่อำเภอสามโคก ข้าร่วม บรรยากาศภายในห้องประชุม สถานีตำรวจภูธรสามโคก มีการบรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับ ข้อกฎหมายจราจร และให้ความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้กับผู้ขับขี่มอไซค์รับจ้างในพื้นที่ได้รับทราบ จากนั้นร่วมกันรณรงค์ไปตามแหล่งชุมชนในพื้นที่เพื่อลงตามโครงการ ฯ และเนื่องด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 จัดทำโครงการ ” หมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 1″ ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกด้านการ บังคับใช้กฎหมายโดยหากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัยแล้วถูกจับจะไม่อนุญาตให้ผู้นั้นขับขี่หรือ โดยสารรถจักรยานยนต์ต่อไป โดยไม่สวมหมวกนิรภัย แม้จะมีการจ่ายค่าปรับแล้วก็ตามจนกว่าจะจัดหาหมวกนิรภัยมาสวมใส่ให้เรียบร้อยทั้งคนขับและคนโดยสารเพื่อเป็นการณรงค์และส่งเสริมวินัยจราจรให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัย ทุกครั้ง อัน จะเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทางถนนในพื้นที่ 9 จังหวัดของตำรวจภูธรภาค 1 อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาที่สำคัญของโลกซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่ในแต่ละปี ทุกประเทศต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าตลอดจนทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยองค์กรอนามัยโลก ขององค์กรสหประชาชาติระบุว่าทุกปีจะมีคนตายประมาณ 1.3 ล้านคน และมีผู้บาดเจ็บและพิการประมาณ 50 ล้านคนทั่วโลกจากอุบัติเหตุทางถนนซึ่งนับว่าเป็นสติที่สูงมากจนกระทั่งองค์การสหประชาชาติต้องจัดให้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนนั้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2552 ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยมีมติเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยก ระดับการแก้ไขปัญหา ตามกรอบปฏิญาณมอสโก ชื่อ ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 2011- 2020 (พ.ศ.2554-2563) เพื่อกำหนดเป้าหมายและการสูญเสียชีวิตในระดับที่ ท้าทายให้เหมาะสมกับอุบัติเหตุทางถนนแต่ละประเทศ เมื่อสิ้นสุดทศวรรษ โดยจะลดลงให้ถึงร้อยละ 50 ในส่วนของประเทศไทยซึ่ง เป็นสมาชิกของกลุ่มสหประชาชาติและเป็นประเทศที่ประสบปัญหาสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นจำนวนมากระดับต้นของโลกประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางมักจะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่ใช้ทางใช้ถนนร่วมกันโดยไม่มีการแบ่งแยกรถยนต์รถโดยสารรถบรรทุกและรถประเภทอื่นๆ ที่แล่นด้วยความเร็วสูงดังนั้นเมื่อมีการเฉี่ยวชนเกิดอุบัติเหตุผู้ใช้รถจักรยานยนต์กลุ่มดังกล่าวจะมีอันตรายความเสี่ยงสูงกว่ารถประเภทอื่นที่จะบาดเจ็บพิการ พุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ปี 2559 ในเขตกรุงเทพมหานครมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่มาจากรถจักรยานยนต์จำนวน 10,924 คัน คิดเป็น 1 ใน 3 ของยานพาหนะที่เกิดเหตุทั้งหมด การสวมหมวกนิรภัยระหว่างขับขี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งแห่งการลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุได้ปัจจุบันแม้จะมีการรณรงค์ในเรื่องของการสวมหมวกนิรภัยอย่างกว้างขวาง แต่ยังพบว่าอัตราผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯยังมีพฤติกรรมและเลยไม่สวมหมวกกันน็อคโดยพบว่ามีสติสูงร้อยละ 25 ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งหมดในกรุงเทพฯซึ่งที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมาย โดยการจะปรับออกใบสั่งและปล่อยผู้กระทำความผิดที่ไม่สวมหมวกนิรภัยให้ผู้ที่ขับขี่ต่อไปนั้น ไม่สามารถป้องกันความสูญเสียจากอุบัติเหตุได้ดังนั้นการลดลงสวมหมวกนิรภัยจึงคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต อันเนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ ตามนโยบายของรัฐบาลและทุกภาคส่วนรวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็ดีได้ให้ ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด

1068664 1068630 1068624 1068623

ดังนั้น ตำรวจภูธรภาค 1 เป็นหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนและเขต ภาคกลาง 9 จังหวัด จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการ “หมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 1” ขึ้น ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกด้านการบังคับใช้กฎหมายโดยหากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัยและถูกจับจะไม่อนุญาตให้ผู้ขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานต่อไปโดยไม่สวมหมวกนิรภัยแม้จะมีการจ่ายค่าปรับ แล้วก็ ตามจนกว่าจะ จัดหาหมวกนิรภัยใส่เรียบร้อยทั้งคนขับและคนโดยสารนอกจากนี้จะทำการรณรงค์และส่งเสริมวินัยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเพื่อลด อัตราการตายจากอุบัติเหตุจราจรทางถนนภายใต้สโลแกน “หมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ” โดยจะเริ่มรณรงค์ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562  ช่วงกวดขันเข้มจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไปโดยให้พนักงานสอบสวนพิจารณาเปรียบเทียบปรับในอัตราที่สูงสุด
สหรัฐ แก้วตา ปทุมธานีรายงาน




--!>