ปทุมธานี สถานีตำรวจภูธรสามโคกจัดโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ขับรถถูกกฎลดอุบัติเหตุ ณ โรงเรียนวิภารัตน์ 99/8 หมู่ที่ 3 ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานี สถานีตำรวจภูธรสามโคกจัดโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ขับรถถูกกฎลดอุบัติเหตุ ณ โรงเรียนวิภารัตน์ 99/8 หมู่ที่ 3 ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 เมื่อเวลา 09.00 น. พันตำรวจเอก ประเวศ ศรีนาค รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสามโคก พันตำรวจโทปัญญวัชร์ มีชำนาญ สารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก พันตำรวจโทธวัชชัย ดีวัน สารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก ร้อยตำรวจเอกสมัย ดงรังษี รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรสามโคก ร้อยตำรวจเอกสุขสันต์ ฉะอ้อน รองสารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก ดาบตำรวจสะอาด บัตรพิมาย ผู้บังคับหมู่งานจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก ดาบตำรวจสวัสดิ์ พรมสอน ผู้บังหมู่งานจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคก และคณะผู้บริหาร คณะครู-อาจารย์และนักเรียน ให้การต้อนรับ ตามที่ตำรวจภูธรภาค 1 ตามนโยบายของท่าน พลตำรวจโทอำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จัดโครงการ สวมหมวกนิรภัย 100% ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และสถานีตำรวจภูธรสามโคกขานรับนโยบายผู้บังคับบัญชาได้จัดทำโครงการสวมหมวกนิรภัย100% ขับรถถูกกฎลดอุบัติเหตุ ตามมาตรการของภาครัฐที่มีการประกาศใช้ปีพุทธศักราช 2554 ถึง 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้ถึง 1 โดยการขับเคลื่อนตามกรอบยุทธศาสตร์อันได้แก่การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนทำให้ถนนและการจราจรปลอดภัยการทำให้ ยานพาหนะปลอดภัย การทำให้ผู้ใช้ถนนมีความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหาหลัง เกิดเหตุ ซึ่งเป็นการดำเนินการในภาพรวมและการแก้ไขปัญหาหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าจำนวนจักรยานยนต์นั้นมีอยู่มากมายและเป็นการซื้อหามาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายและประการสำคัญคือร้อยละ70 เปอร์เซ็นต์ของอุบัติเหตุทางถนนนั้นเป็นอุบัติเหตุเกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์และสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรนั้นมีสาเหตุ จากผู้ขับขี่หรือผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และเลยไม่สวมหมวกกันน็อค ดังนั้นหมวกกันน็อคจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งจะสามารถลดความรุนแรงและป้องกัน และการสูญเสียของบุคคลได้ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้คนไทยได้ตระหนักถึง และให้ความสำคัญ เรื่องการสวมหมวกกันน็อคอย่างแท้จริงให้เป็นเสมือนหนึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนไทยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ด้านร้อยตำรวจเอกสมัย ดงรังษี กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว วันนี้ต้องขอขอบพระคุณ ทางผู้อำนวยการโรงเรียนวิภารัตน์ ที่ได้ให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรสามโคก เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับ โครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย100 เปอร์เซ็นต์ของตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และสถานีตำรวจภูธรสามโคก วันนี้พร้อมตำรวจจราจร ได้มาให้ความรู้ กับเด็กๆ เกี่ยวกับ การสวมหมวกกันน็อค ทั้งคนขับและคนซ้อนท้ายและพูดถึงประโยชน์ของการใช้หมวกนิรภัย และโทษของการที่ไม่สวมหมวกนิรภัยจะเป็นอย่างไร โดยมีเด็กๆให้ความสนใจ ในเรื่องการสวมหมวกนิรภัยและโทษที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่รณรงค์ให้กับประชาชนและนักเรียนที่ใช้รถจักรยานยนต์โดยผู้ปกครองมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียนจะต้องสวมหมวกนิรภ้ยทั้งคนขับและคนซ้อนโดยจะเริ่มจับปรับจริงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 จึงฝากแจ้งประชาชนให้ทราบโดยทั่วกัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ดร.สันติ กิจลือเกียรติ ผู้จัดการการโรงเรียนวิภารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทางสถานีตำรวจภูธรสามโคก นำโดยร้อยตำรวจเอกสมัย ดงรังษี รองสารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสามโคกที่มาให้ความรู้ เกี่ยวกับโครงการสวมหมวกกันน็อคร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยวันนี้ได้จัดให้นักเรียน ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมปีที่ 6 จำนวน 460 คน มาร่วม ฟังการบรรยาย ให้ความรู้เกี่ยวกับการสวมหมวกกันน็อค ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโทษภัยที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อค ถ้าทำผิดกฎหมายจะต้องถูกปรับและถูกจับ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีและจะได้นำความรู้ในวันนี้ ไปต่อยอดเรียนถึงท่านผู้ปกครองให้ทราบต่อไป
และทางโรงเรียนวิภารัตน์ ไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากคำว่าขอขอบพระคุณทางสถานีตำรวจภูธรสามโคกและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่มาให้ความรู้และขอพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ทีมงานสถานีตำรวจภูธรสามโคก ทุกท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไปท่านใดกล่าวทิ้งท้ายไว้
สหรัฐ แก้วตา ปทุมธานีรายงาน