กรมควบคุมโรคประกาศเตือนถึงแนวทางในการเตรียมรับมืออากาศร้อนให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดทั้งวัน

มีนาคม 20, 2017 23:51 โดย opwnews
0
863

กรมควบคุมโรคประกาศเตือนถึงแนวทางในการเตรียมรับมืออากาศร้อนให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดทั้งวัน
FB_IMG_1490054276181

ช่วงนี้สภาพอากาศในหลายพื้นที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องนะคะ ล่าสุดกรมควบคุมโรคออกประกาศเตือนถึงแนวทางในการเตรียมรับมืออากาศร้อนให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องรอหิวน้ำ โดยเฉพาะใน 6 กลุ่มเสี่ยงสำคัญ อาทิ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬาหรือฝึกทหารโดยขาดการเตรียมตัวมาก่อน ผู้ใช้แรงงานกลางแดด เช่น กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร เป็นต้น 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่อดนอน และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี สิ่งที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษคือการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากภาวะอากาศร้อน โดยเฉพาะโรคลมแดด ลมร้อน หรือฮีทสโตรก ซึ่งเป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ เกิดจากมีความร้อนในสิ่งแวดล้อมสูงจนร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ตามปกติ พบได้บ่อยในผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ในนักกีฬา หรือในทหารที่ต้องฝึกหนักกลางแจ้ง โดยอาการผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืด หากมีอาการรุนแรงผู้ป่วยจะตัวร้อนจัด เหงื่อไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นลม ซึ่งในบางรายอาจถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ และประชาชนท่านใดมีอาการตัวร้อนแต่เหงื่อไม่ออก หายใจถี่ อาจวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์

และหากพบผู้ป่วยจากภาวะอากาศร้อนให้ทำการช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้ 1.นำผู้มีอาการเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก 2.เทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด 3.ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ 4.ไม่ควรใช้ผ้าเปียกคลุมตัวเพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย และ 5.รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669 ทันที ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422ค่ะ
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://www.hfocus.org/content/2017/03/13610




--!>