รองผู้บัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 1 แถลงข่าวการจับกุม แก๊งลักรถ Fortuner ณสถานีตำรวจภูธรสามโคก จังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานี รองผู้บัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 1 แถลงข่าวการจับกุม แก๊งลักรถ Fortuner ณสถานีตำรวจภูธรสามโคก จังหวัดปทุมธานี
วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เมื่อเวลา 17.00 น
ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมและผู้มีอิทธิพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจภูธรภาค 1 ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพลตำรวจตรีธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้สั่งการให้
ตำรวจ สืบสวน ภ.1 นำโดย พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.กฤษณะ คุณากร รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.นราเดชน์ ทิพย์รักษ์ รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วสันต์ เดชะอัครเกษม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภักดีณรงค์ รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรดี ผกก.สส.๑ บก.สส.ภ.1,พ.ต.ต.พูนสุข เตซะประเสริฐพร สว.กก.สส.๑บก.สส.ภ.1ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี นำโดย พล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.สามารถ ศิริวิบูลย์ชัย รอง ผบก.สส.ภ.๑ , พ.ต.อ.จีรเดชน์ เหมจินดา ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี ,พ.ต.อ.โกศล วีรวิศาล ผกก.สภ.สามโคก พ.ต.ท.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ รอง ผกก.สส.สภ.สามโคก,พ.ต.ท.อังกูร ทวีเกตุ สว.สส.สภ.สามโคก,พ.ต.ท.ธนรัชน์ เทือกแถว สว.สส.ภ.จว.ปทุมธานี,พ.ต.ท.พีรพัสส์ ชูช่วย สว.สส.ภ.จวปทุมธานี พร้อมกำลังชุดสืบสวน
ได้ร่วมกันจับกุมตัว
1.นายสมชาย จันทร์น้อย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237หมู่ 1 ต.เด่นใหญ่ อ.หันคา
จ.ชัยนาท (จำนวนหมายจับ 5 หมาย)
2.นางประไพร เมืองนาคินอายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่1 ต.หันตะเภา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา (จำนวนหมายจับ 3 หมาย)
3.นายเชาวราช มานะดำรงธรรม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.10 ต.หนองบ่มกล้วย อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี (จำนวนหมายจับ 2 หมาย)
4.นายเกรียงไกร จันทร์น้อยอายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 1ต.เด่นใหญ่ อ.หันคา
จ.ชัยนาท(จำนวนหมายจับ 1 หมาย)
๕.นายพิสิษฐ์ เมืองนาคินอายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่90หมู่1 ต.หันตะเภา อ.วังน้อย
จ.พระนครศรีอยุธยา(จำนวนหมายจับ 1 หมาย)
6.น.ส.รัชดา หอมชะลูล อายุ 24 ปี 27/7 หม่ 4 ต.บ้านลี่ อ.บางปะหัน
จ.พระนครศรีอยุธยา (จำนวนหมายจับ 1 หมาย)
7.นายปัญจะ สีทอง อายุ ๒๖ ปี 116ม.7 ต.หนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท(จำนวนหมายจับ 1 หมาย)
ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆหรือรับของโจร”
พร้อมด้วยของกลาง
1.รถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนด์ คันหมายเลขทะเบียน กง-2166 ชัยนาท จำนวน 1 คัน ( ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด)
2.รถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีดำ คันหมายเลขทะเบียน 3 กธ-7892 กทม. จำนวน 1 คัน (ซึ่งเป็นรถยนต์ที่โจรกรรมมาจากผู้เสียหาย ในคดี สภ.สามโคก เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2560
3.แผ่นป้ายทะเบียน ๑ กภ-7040 กทม. พร้อม แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ปลอม จำนวน 1 ชุด (ซึ่ง ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ติดอยู่กับรถยนต์ของกลาง รายการที่ 2)
4.ยาเสพติดให้โทษ (ไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 7.7 กรัม (ยึดได้จากผู้ต้องหาที่ 2 และ 3)
5.ทรัพย์สินถูกประทุษร้ายรายการต่างๆ ที่เจ้าหนักงานตำรวจได้ตรวจยึด โดยผู้ต้องหารับว่า ได้มาจากการกระทำความผิด จำนวน 90 รายการ
6. อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ต่างๆ ที่ใช้ในการงัดเข้าบ้านผู้เสียหาย จำนวนประมาณ 11 รายการ
พฤติการณ์กล่าวคือสืบเนื่องด้วย ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตำรวจภูธรภาค 1 หลายจังหวัด ได้มีเหตุคนร้ายลักทรัพย์รถยนต์ จำนวนหลายครั้ง ตั้งแต่ เดือน ตุลาคม 2559 – พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้ายมักจะเข้าไปก่อเหตุในช่วงเวลากลางคืน โดยจะงัดแงะประตูหน้าต่างเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายและลักทรัพย์จำนวนหลายรายการ โดย จะเลือกเหยื่อที่ บ้านที่มีรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์หรือวีโก้ จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยขโมยกุญแจรถยนต์ที่ผู้เสียหายเก็บไว้ภายในบ้านแล้วขับรถยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป ซึ่งจากการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวน ได้สืบสวนจนพบว่า มีนายสมชายฯ ซึ่งเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ เป็นหัวหน้ากลุ่มแก๊งค์โจรกรรมรถยนต์นี้ และ มีประวัติต้องโทษคดีลักรถยนต์จำนวนมาก โดยร่วมกันกับพวก ใช้รถยนต์ของกลางรายการที่ ๑ ในการก่อเหตุ ต่อมาจากการสืบสวนหาพยานหลักฐานโดยได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางในครั้งนี้ ซึ่งจากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกับ พวก อีกจำนวน 2 คนที่หลบหนีไป เข้าไปตามสถานที่ต่างๆลักทรัพย์รถยนต์และทรัพย์สินอื่นๆ ที่อยู่ภายในบ้าน โดยแต่ละครั้ง จะมีผู้เข้าก่อเหตุ ครั้งละจำนวน 2-3 คน นายสมชายฯได้ให้การรับสารภาพว่า หลักจากพ้นโทษจากเรือนจำ ได้ก่อเหตุลักรถยนต์มาแล้วจำนวนประมาณ 10 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และจังหวัดปทุมธานี โดยนายสมชายฯ จะมีหน้าที่งัดเข้าบ้านผู้เสียหายและไปด้วยตนเองทุกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ชำนาญในการงัดประตูหน้าต่าง แต่ละครั้งจะชักชวนสมาชิกในแก๊งค์ที่ว่างไปด้วยกันสลับกันไป และให้สมาชิกในแก็งค์ขับรถยนต์ไปส่งให้บุคคลในแก๊งค์ ที่ จ.ชัยนาท เพื่อนำรถยนต์ที่ได้จากการโจรกรรม นำไปแลกยาเสพติดที่บริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำยาเสพติดมาขายแบ่งเงินมาให้นายสมชายฯ ในแต่ละครั้ง
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สหรัฐ แก้วตา ปทุมธานีรายงาน