วัดพนัญเชิงชี้แจ้งถูกหลอกให้โอนเงิน 13 ล้านบาท
วัดพนัญเชิงชี้แจ้งถูกหลอกให้โอนเงิน 13 ล้านบาท
กรณีที่ ปปป.ออกมาระบุว่า มีข้าราชการระดับสูงของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยทำในรูปของ “เงินทอน” คือ ชักเงินกลับจากวัดที่ได้รับเงินอุดหนุนจาก พศ.ในสัดส่วนที่สูงถึง75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินกว่า 60 ล้านบาท โดยมีวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ด้วย
วันที่ 27 มิ.ย. ที่หอประชุมสงฆ์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของวัดพนัญเชิง แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีการรับเงินอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด
ดร.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับ วัดพนัญเชิงวรวิหารได้ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา เป็นระยะเวลาเกือบ 700 ปีโดยมีพระธรรมรัตนมงคล(แวว กตสาโร ) เป็นเจ้าอาวาส ทางวัดได้ทำการบูรณะ ศาสนสถานที่มีอยู่เดิมและก่อสร้างกุฏิตลอดจนสิ่งปลูกสร้างภายในวัดเรื่อยมา โดยนำเงินที่ประชาชนทำบุญและเงินอุดหนุนจากทางราชการมาดำเนินการ ดังกล่าวในการดำเนินการมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาทิเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตลอดจนคณะกรรมการของวัดได้ร่วมกันตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดตลอดมา
เมื่อประมาณปีพ.ศ 2555 วัดได้ก่อสร้างกุฏิทรงไทยจำนวน 9 หลังและในปี 2556 วัดได้ก่อสร้างทางเดินรอบวิหารหลวงพ่อโต โดยนำรายได้จากการทำบุญและเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามาดำเนินการ เมื่อปลายปี 2556 นางสาวประนอม คงพิกุล ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในขณะนั้นซึ่งรู้จักกับพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส เนื่องจากมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับกิจการของศาสนาโดยนางสาวประนอมได้โทรศัพท์หาเจ้าอาวาสแจ้งว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะให้เงินอุดหนุนทางวัดจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนวัดในงบประมาณปี 2557 เพื่อให้วัดดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์ภายในวัด โดยนางสาวประนอมแจ้งว่าเงินดังกล่าวให้วัดเพื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์จำนวน 2 ล้านบาทส่วนอีก 8 ล้านบาทจะนำไปให้วัดอื่นที่ยากจน และยังขาดทุนทรัพย์ ทางท่านเจ้าอาวาสสงสารวัดอื่นเพราะที่วัด สามารถที่จะดูแลตนเองได้ จึงได้โอนเงินกลับไปจำนวน 8 ล้านบาท โดยผ่านบัญชี นางชมพูนุช จันลือชัย ซึ่งทางเจ้าอาวาสไม่รู้จัก ที่โอนไปเพราะรู้จักนางประนอมมานาน เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ เคยติดต่อกันเกี่ยวกับงานของพระพุทธศาสนา เงิน2 ล้านบาทที่วัดได้ นำไปใช้ปรับปรุงก่อสร้างทางเดินบริเวณวิหารหลวงพ่อโต
ต่อมาประมาณปลายปี 2557 นางสาวประนอมได้ติดต่อมายัง เจ้าอาวาสอีก ว่าจะให้เงินสนับสนุนวัดอีก 10 ล้านบาทแต่ขอให้ทางวัดมอบเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทให้แก่นางสาวประนอมนำไปช่วยวัดอื่นๆที่ยากจนต่อไป โดยมีการนัดหมายมอบเงินสด กันที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ส่วนเงิน 5 ล้านบาท ทางเจ้าอาวาสได้นำไปปรับปรุงกุฏิทรงไทย 9 หลัง
เงินหนุนวัด ทั้ง2 งวด ทางเจ้าอาวาส ได้สอบถามนางสาวประนอมว่าถูกกฎหมายหรือไม่นางสาวประนอมตอบว่าถูกกฎหมายพระธรรมรัตนมงคล จึงเชื่อและดำเนินการตามที่นางสาวประนอมแนะนำมา ประกอบกับเห็นว่านางสาวประนอมเป็นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณอุดหนุนวัดต่างๆในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
จากนั้นประมาณต้นปีพ. ศ. 2560 พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อขอสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินอุดหนุนที่วัดได้รับมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตามที่นางสาวประนอมได้เสนอให้แก่วัดดังกล่าวทางวัดก็ได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี และมีการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมด้วยพยานหลักฐานต่างๆหมดแล้ว
ต่อมาพนักงานสอบสวน ป.ป.ป แจ้งข้อกล่าวหากรณีเงินอุดหนุนวัดพนัญเชิงวรวิหารจำนวน 13 ล้านบาทพระธรรมรัตนมงคลเจ้าอาวาสจึงเชื่อว่านางสาวประนอมไม่ได้นำเงินจำนวน 13 ล้านบาทไปดำเนินการช่วยวัดต่างๆตามที่พูดไว้ ทำให้วัดได้รับความเสียหายทางวัดเจ้าอาวาสจึงได้ มีการแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษกับนางสาวประนอม ในข้อหาฉ้อโกง ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา และร้องเรียน ต่อ นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี และ ร้องเรียนต่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ทางวัดขอยืนยันที่จะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนข้อเท็จจริงของคดีทั้งหมด
ทีมข่าวพระนครศรีอยุธยา