ร้อง ‘ผู้ว่าสยาม’ จัดเลือกตั้งใหม่ ‘สว่างเมตตาโคราช’ “ป๋าซิม” โวย จัดเลือกตั้ง ไม่เป็นธรรม
“ป๋าซิม” โวย จัดเลือกตั้ง ไม่เป็นธรรมมูลนิธิสว่างเมตตาธรรม หรือ หลักเสียงเซี่ยงตึ้ง ส่อเค้าวุ่น เมื่อประธานจัดการเลือกตั้งส่อแววยังลังเลชี้ขาด ให้จับสลากเลือกประธานหรือจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ด้านรองประธาน ทรงศักดิ์ อุไรธรากุล หรือ ป๋าซิม บอกการเลือกตั้งต้องทำตามกติกาสากล องค์กรถึงจะไปต่อได้ ส่วนจังหวัดมีหนังสือด่วนถึง มูลนิธิฯ ให้จัดการเลือกตั้งใหม่
นายทรงศักดิ์ อุไรธรากุล รองประธานมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึ้ง และประธานฝ่ายดูแลศาลเจ้าและสุสานป่าช้าจีนหัวทะเล เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เมื่อเร็วๆนี้ ที่ผ่านมา ประมาณวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ทางมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึ้ง หรือ สว่างเมตตาฯ ได้มีการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ปีบริหาร 2566-2567 ขึ้น ณ สำนักงานมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึ้ง ผลปรากฏผู้ชิงตำแหน่งประธานมูลนิธิมี 2 ท่าน
คือ นายอภิภวัส ตั้งนันทนาการ อดีตประธานฯ และ นายทรงศักดิ์ อุไรธรากุล รองประธานฯ เป็นประธานมุลนิธิ สมัยที่ 41 ผลปรากฏว่า การลงคะแนนลับมีผลคะแนนเท่ากันคือ 21 คะแนน ต่อ 21 คะแนน ทำให้การเลือกประธานมูลนิธิมาถึงทางตัน ซึ่งปรธานจัดการเลือกตั้งได้เสนอให้นายอภิภวัส ตั้งนันทนาการ ดำรงตำแหน่งต่อปีที่41 อีก 2 ปี และ นายทรงศักดิ์ อุไรธรากุล นั่งเก้าอี้ต่อในปีที่ 42 อีก 2 ปี รวมเวลาประชุมหารือกว่า 5 ชั่วโมง
ต่อมาทาง 3 สมาคมอันได้แก่ สมาคมโยวเล้ง นครราชสีมา สมาคมเตี่ยเอี้ยนครราชสีมา และ สมาคมเตี่ยอัน ได้ยื่นหนังสือถึง นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอให้นายทะเบียนสั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อมาทำการจัดการเลือกตั้งใหม่ และขอคัดค้านการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เนื่องด้วยไม่เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับของมูลนิธิและคัดค้านการขึ้นดำรงตำแหน่งปรธานมูลนิธิสว่างเมตตาครั้งที่ 41 ด้วย
ล่าสุด นายทรงศักดิ์ อุไรธรากุล รองประธานมูลนิธิฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางมูลนิธิทำการจัดการเลือกตั้งใหม่ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมและให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของมูลนิธิ ไม่ใช้มากำหนดเอาเองว่าจะให้ใครขึ้นดำรงตำแหน่งประธานต่อแบไม่ชี้ขาด ว่าจะเลือกตั้งใหม่ หรือ จับสลาก
ซึ่งนายทรงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองอยากที่จะเข้ามาจัดระเบียบให้มูลนิธิใหม่ เพราะปัจจุบันไม่ค่อยมีประชาชนเข้ามาทำบุญ ค่อนข้างที่จะประสบปัญหาด้านวิกฤตศรัทธา ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาทำบุญ ซึ่งกว่า 60ปี ตลอดระยะเวลาที่ตนเองคลุกคลีและดูแล ก็อยากจะเห็นมูลนิธิเจริญรุ่งเรืองกว่าทุกวันนี้