ผู้การตำรวจสุรินทร์แถลงจับคนร้ายร่วมกันลักพาตัวและกรรโชกทรัพย์พื้นที่เมืองสุรินทร์

มิถุนายน 12, 2024 12:36 โดย opwnews
0
279

1718194222512 1718194222363

พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์แถลงข่าวการจับคนร้าย
กรณีเหตุอุจฉกรรจ์ และสะเทือนขวัญ กรณีคนร้ายร่วมกันลักพาตัวและกรรโชกทรัพย์ นายตระการฯ

1718194222717 1718194231965
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากนายชนวีร์ แสนกล้า ว่าระหว่างที่ผู้แจ้งขายใบกระท่อมอยู่กับนายตระการ โภชน์สาลี อยู่ที่ร้าน ภายในซอยตาทิพย์ 2 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. ได้มีรถ ISUZU Cab สีดำ ทะเบียนฉะเชิงเทรา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาจอดที่หน้าร้าน พร้อมด้วยชายประมาณ 3 คน สวมแมสปิดบังใบหน้า ลงจากรถ 2 คน เข้าหาตัวนายตระการฯ พาขึ้นรถโดยไม่แสดงตน แต่มีการแต่งกายในลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ดึงแขนนายตระการฯ ขึ้นรถยนต์คันดังกล่าว มีชายหนึ่งคนพูดว่าให้ตามไปที่กรุงเทพฯ อ้างว่าเป็นคนของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง โดยไม่บอกกล่าวแจ้งข้อหาใดๆให้ทราบ ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ และมีจุดประสงค์ใด ผู้แจ้งพร้อมแฟนสาวของนายตระการฯ จึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน แจ้งความให้ดำเนินการติดตามเนื่องจากเกรงว่านายตระการฯ จะได้รับอันตราย (ตาม ปจว. สภ.เมืองสุรินทร์ ลำดับ 1 ลงวันที่ 11 มิ.ย.67 เวลา 00.47 น.)

1718194212707 1718194213131
ต่อมา เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ พบชายวัยรุ่นจำนวน 3 คน ได้นำตัวนายตระการฯ ขึ้นรถยนต์กระบะ แค็ป สีดำ ที่หน้าร้านจำหน่ายใบกระท่อมดังกล่าวเมื่อเวลา 23.21 น. จริง จากนั้น น.ส.ปาณิสรา สุระชาติ (แฟนสาวนายตระการฯ) แจ้งว่า มีหมายเลขโทรศัพท์ของนายกริชชัยฯ ผู้ต้องหาที่ 2 เมื่อเวลา 00.20 น. โทรเข้ามายังเครื่องโทรศัพท์ของ น.ส.ปาณิสราฯ โดยมีนายตระการฯ เป็นผู้สนทนาแจ้งกับ น.ส.ปาณิสราฯ ว่าให้ตนฯขับรถติดตาม GPS ในเครื่องไอแพด ที่นายตระการฯได้นำติดตัวไป โดย น.ส.ปาณิสราฯ ได้เข้าระบบไว้ในโทรศัพท์ของตน จึงสามารถทราบถึง พิกัด ตำแหน่ง ว่านายตระการฯ อยู่บริเวณแยกหนองเต่า ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์
จากนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุได้สนทนาผ่านแอพพลิเคชั่น Facebook ของนายตระการฯ ว่าให้โอนเงินมายังหมายเลขบัญชีธนาคารกสิกร 1233097779 ชื่อบัญชี ด.ช.ประสิทธิภาพ (นามสมมุติ)(ผู้ต้องหาที่ 3) จำนวน 1 ล้านบาท
แต่นายตระการฯ แจ้งว่าไม่มีเงินให้จากนั้นได้ต่อรองเหลือจำนวน 5 แสนบาท เพื่อให้แลกกับการปล่อยตัวนายตระการฯ แต่ น.ส.ปาณิสราฯ แจ้งว่าไม่มีเงินโอนและจะจ่ายเป็นเงินสด กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงแจ้ง น.ส.ปาณิสราฯ
ให้นำเงินสด 5 แสนบาท ไปให้กลุ่มผู้ก่อเหตุที่ ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต อ.รังสิต จ.ปทุมธานี และเรียกเงินจากนายตระการฯ เพิ่มจำนวน 5 หมื่นบาท โดยแจ้งว่านายตระการฯ ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่ น.ส.ปาณิสรา ฯ ไม่ได้โอนให้กลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบสัญญาณ GPS เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. พบว่าอยู่บริเวณ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บนถนนหมายเลข 24 มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์จึงได้จัดกำลังติดตามจับกุมตัวโดยทันที ได้ออกเดินทางติดตามอย่างต่อเนื่อง และได้ประสานตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ชุด ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. เพื่อให้สกัดจับ และได้แจ้งตำแหน่งพิกัด GPS ของนายตระการฯให้ทราบเป็นระยะ และตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ได้รีบออกติดตามรถคันดังกล่าว เมื่อมาถึงบริเวณถนนมิตรภาพ ทล.2 กม.50 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขาเข้า กทม. พบรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีดำ หมายเลขทะเบียน บว 6318 ฉะเชิงเทรา จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการสอบถาม แต่กลับขับรถหลบหนี จึงไล่สกัดจับ จนกระทั่งจับได้ เบื้องต้นพบ
1. นายตระการ โภชน์สาลี อายุ 23 ปี ผู้ถูกลักพาตัวมาจาก จ.สุรินทร์
2. นายบรรณสิทธิ์หรือ “อาร์ม” วงษ์นาค อายุ 26 ปี อ้างว่า เป็นกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องของผิดกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้นำตัวนายตระการฯ ขึ้นรถไป)
3. นายกริชชัย หรือ “อ้อ” สุวรรณกิจ อายุ 26 ปี คนขับรถ (ผู้ต้องหาที่ 2)
4. นายประสิทธิภาพ หรือ “วา” สุขสมกิจ อายุ 16 ปี(ผู้ต้องหาที่ 3)

1718194214001 1718194213600 1718194212255
จากการตรวจค้นพบ อาวุธปืน อัดแก๊ส รูปทรง กล็อค 19 จำนวน 1 กระบอก วางอยู่ที่วางเท้าฝั่งนั่งข้างคนขับใต้ขานายบรรณสิทธิ์ หรือ“อาร์ม” วงษ์นาค (ผู้ต้องหาที่ 1) และนายบรรณสิทธิ์ ฯ รับว่าปืนอัดแก๊สดังกล่าวเป็นของตนและได้นำออกขู่ให้นายตระการฯ เกิดความกลัว และโทรศัพท์มือถือ อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงด้านขวา ของนายบรรณสิทธิ์ ฯ และพบโทรศัพท์มือถือ อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขาว ของนายกริชชัยฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) และรับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ตนได้ให้นายตระการฯ โทรติดต่อยังโทรศัพท์ของ น.ส.ปาณิสราฯ จริง และพบโทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋ากางเสื้อหน้าอกด้านซ้ายของนายประสิทธภาพฯ (ผู้ต้องหาที่ 3)

1718194211190 1718194210990 1718194211366 1718194211866
จึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทั้งสามให้ทราบว่า กระทำผิดฐาน
1.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ป.อาญา ม 337 ,80
2.ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด ป.อาญา ม.313 (3)
3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ป.อาญา ม. 310
4.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ป.อาญา ม.309

1718194222717 1718194232108
จากการสอบถาม นายตระการฯ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. วันที่ 10 มิ.ย.67 ได้มีชาย 3 คน มาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง มาตรวจสอบเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ทราบว่า ตนแอบขายใบกระท่อม จึงมาหาที่หน้าร้าน และขู่ว่าถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ต้องจ่ายเงินหนึ่งล้านบาท ตนไม่มีเงิน มีเพียงห้าแสนบาท หากจะเอาต้องมาเอาเงินสดที่แฟนสาว แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ยอม กระชากแขนตนขึ้นรถ จะลักพาตัวไปที่ กทม.กลุ่มคนร้ายยังใช้โทรศัพท์มือนายตระการฯ ส่งข้อความไปหาแฟนสาวนายตระการฯ ข่มขู่ว่าจะทำร้ายนายตระการฯ หากไม่ส่งเงินให้ พร้อมส่งเลขบัญชีให้ ก่อนที่ทางแฟนนายตระการฯ จะเข้าแจ้งความ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตรวจพบก่อนควบคุมตัวทั้งหมดส่งสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว ได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ แต่ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี

1718194214470




--!>