สิ้นร่มโพธิ์ใหญ่แห่งเมืองลพบุรี พระครูวิมลสมณวัตร (หลวงพ่อเพี้ยน อคฺคธมฺโม)
#สิ้นร่มโพธิ์ใหญ่แห่งเมืองลพบุรี
พระครูวิมลสมณวัตร (หลวงพ่อเพี้ยน อคฺคธมฺโม)
วัดเกริ่นกฐิน ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
ท่านได้ละสังขารแล้ว เมื่อเวลา ๐๓.๒๕ น.
ณ สถาบันโรคทรวงอก จ.นนทบุรี
ศิษยานุศิษย์ขอน้อมส่งหลวงพ่อสู่แดนพระนิพพาน
หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม หรือ พระครูวิมลสมณวัตร เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสของเมืองลพบุรี เจ้าตำรับสุดยอดเครื่องรางของขลัง ตะกรุดโทน และ ผ้ายันต์แดง เสือ สิงห์ ที่ มีประสบการณ์พุทธคุณกล่าวขานเลื่องลือกันไปทั่ว ทั้งในด้านเมตตา ค้าขาย ปกป้องคุ้มภัย มหาอุด และคงกระพันชาตรี เรื่องราวชีวิตและบทบาทของท่านนับว่าน่าสนใจ เพราะเป็นพระของชาวบ้านโดยแท้
ประวัติ หลวงพ่อเพี้ยน เกิดในสกุล ยอดวัด เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พุทธศักราช 2470 ที่บ้านเกริ่นกฐิน ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ชีวิตในวัยเยาว์ หลังจบการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
จากนั้นก็ช่วยเหลือครอบครัวในการประกอบอาชีพทำนา จวบกระทั่งถึงวัยแห่งการครองเรือน แต่ภายหลังเกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่เส้นทางธรรม ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2519 ณ พัทธสีมาวัดกำแพง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยมีหลวงพ่อเจือ เจ้าอาวาสวัดกำแพง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา อคฺคธมฺโม มีความหมายว่า ผู้มีธรรมอันยอดเยี่ยม ภาย หลังเข้ารับการอุปสมบท ได้ย้ายไปพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน เพื่อบำเพ็ญสมณกิจ สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา และได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อปาน เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ในยุคนั้น รวมไปถึงการได้ทบทวนสรรพวิชาเข้มขลังจากแผ่นดินกัมพูชา ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโยมบิดาของท่าน
สำหรับหลวงพ่อปาน พระเกจิเรืองอาคม เป็นพระภิกษุที่สัญจรมาจากประเทศกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งหลวงพ่อปานได้กล่าวเน้นย้ำเป็นการเตือนสติอยู่เสมอว่า คนเราจะทำการใดๆ ต้องมีจิตที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการศึกษา หัวใจของการศึกษาวิชาอาคมให้บังเกิดผล ถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเริ่มที่สติ เมื่อสติมั่นคงก็จะบังเกิดเป็นสมาธิ สมาธิจะทำให้เกิดปัญญา สามารถทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อถึงขั้นนั้น จะทำสิ่งใดๆ ย่อมได้ผลดังนั้น เมื่อท่านได้ฝึกจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปาน ทำให้การเรียนด้านวิชาอาคม บังเกิดความก้าวหน้า และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านที่ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่างๆ นานา โดยท่านได้ใช้อำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ รวมทั้งวิทยาคม ใครถูกคุณไสยมนต์ดำ อวิชชาชั้นต่ำไสยมนต์ดำ อวิชชาชั้นต่ำ สรรพวิญญาณดุร้ายเข้าสิงร่าง ใช้มนต์คาถากำราบ ใครเจ็บป่วยเป็นไข้ป่า ใช้ยาสมุนไพรรักษา สามารถพลิกผันเปลี่ยนขาวเป็นดำ บำบัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ชื่อเสียงร่ำลือระบือไกล
ปี พ.ศ.2521 วัดเกริ่นกฐิน ร้างเจ้าอาวาสปกครอง ญาติโยมได้พากันไปร้องต่อพระผู้ใหญ่จังหวัดลพบุรี ขอให้แต่งตั้งหลวงพ่อเพี้ยน เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับการตอบสนองตามคำร้องขอเป็นอย่างดีภายใต้การปกครองดูแลวัดเกริ่นกฐิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 จนถึงปัจจุบัน วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพี้ยนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ดำรงตนอย่างสมถะ เป็นพระชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเข้าถึงจิตใจคนทุกระดับชั้น ไม่มีการเลือกชั้นวรรณะของผู้ที่ขอเข้าไปกราบนมัสการ หลวง พ่อเพี้ยน ได้ย้อนอดีตถึงปฐมเหตุแห่งการเป็นพระผู้เสก ว่า ในคราแรก เลือกมาพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา เพื่อปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อปาน ที่กำชับเอาไว้ สิ่งที่เริ่มต้น คือ การเจริญภาวนาทำให้เกิดจิตที่มั่นคง เป็นสมาธิ วันหนึ่ง ในราวพรรษาที่ 3 ท่านมีกิจนิมนต์ ต้องเดินทางจากวัดไปยัง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
โดยเส้นทางจากหมู่บ้านเกริ่นกฐิน สู่ถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ ห่างไกลพอสมควร จำต้องเดินผ่านทุ่งนา ในบางช่วงต้องเดินผ่านป่าละเมาะ สองฟากทางรกทึบมาก หลวงพ่อเพี้ยน เดินทางออกจากหมูบ้านเกริ่นกฐินเพียงเล็กน้อย ได้พบเห็นการกระทำของโจรร้ายกำลังปล้นชิงทรัพย์ของชาวบ้าน แต่เจ้าทรัพย์ ต่อสู้ขัดขืน จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทงจนถึงแก่ความตาย ไปต่อหน้าต่อตา ท่านบังเกิดความเวทนาต่อชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเป็นยิ่ง นัก เมื่อเดินทางกลับวัด ได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ความคิดว่า หากชาวบ้านผู้นั้นมีวัตถุมงคลคุ้มครองป้องกันตัว อาจแคล้วคลาดภยันตรายได้อย่างแน่นอน
ปี พ.ศ.2521 วัดเกริ่นกฐิน ร้างเจ้าอาวาสปกครอง ญาติโยมได้พากันไปร้องต่อพระผู้ใหญ่จังหวัดลพบุรี ขอให้แต่งตั้งหลวงพ่อเพี้ยน เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับการตอบสนองตามคำร้องขอเป็นอย่างดีภายใต้การปกครองดูแลวัดเกริ่นกฐิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 จนถึงปัจจุบัน วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพี้ยนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ดำรงตนอย่างสมถะ เป็นพระชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเข้าถึงจิตใจคนทุกระดับชั้น ไม่มีการเลือกชั้นวรรณะของผู้ที่ขอเข้าไปกราบนมัสการ หลวง พ่อเพี้ยน ได้ย้อนอดีตถึงปฐมเหตุแห่งการเป็นพระผู้เสก ว่า ในคราแรก เลือกมาพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา เพื่อปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อปาน ที่กำชับเอาไว้ สิ่งที่เริ่มต้น คือ การเจริญภาวนาทำให้เกิดจิตที่มั่นคง เป็นสมาธิ วันหนึ่ง ในราวพรรษาที่ 3 ท่านมีกิจนิมนต์ ต้องเดินทางจากวัดไปยัง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
โดยเส้นทางจากหมู่บ้านเกริ่นกฐิน สู่ถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ ห่างไกลพอสมควร จำต้องเดินผ่านทุ่งนา ในบางช่วงต้องเดินผ่านป่าละเมาะ สองฟากทางรกทึบมาก หลวงพ่อเพี้ยน เดินทางออกจากหมูบ้านเกริ่นกฐินเพียงเล็กน้อย ได้พบเห็นการกระทำของโจรร้ายกำลังปล้นชิงทรัพย์ของชาวบ้าน แต่เจ้าทรัพย์ ต่อสู้ขัดขืน จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทงจนถึงแก่ความตาย ไปต่อหน้าต่อตา ท่านบังเกิดความเวทนาต่อชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเป็นยิ่ง นัก เมื่อเดินทางกลับวัด ได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ความคิดว่า หากชาวบ้านผู้นั้นมีวัตถุมงคลคุ้มครองป้องกันตัว อาจแคล้วคลาดภยันตรายได้อย่างแน่นอน
ความคิดดังกล่าว ทำให้หลวงพ่อเพี้ยน มุมานะในการพลิกฟื้นตำรา ทั้งของโยมบิดาและหลวงพ่อปาน ที่ได้กำชับถึงหัวใจแห่งการร่ำเรียนวิชา โดยเฉพาะพระคาถาอาคม เมื่อรำลึกถึงคำสอน หลวงพ่อจึงเร่งในการภาวนาจิตอย่างจริงจัง และเริ่มทำการจัดสร้างของขลังเป็นครั้งแรก เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ใกล้ชิดเอาไว้เพื่อเป็นการป้องกันและคุ้มครองตัว เอง ได้แก่ “ตะกรุดโทน” กว่าจะสำเร็จเป็นตะกรุดโทน มิใช่เรื่องง่ายดาย แผ่นโลหะแต่ละแผ่น เมื่อได้จารอักขระเลขยันต์ตามตำรับ กว่าจะบรรลุเป้าหมายถึงขั้นนำไปใช้ได้ ต้องผ่านขั้นตอนพิธีกรรมอันสำคัญ คือ การจารตะกรุดใต้น้ำ หลวงพ่อเพี้ยนจะต้องดำลงใต้น้ำ เพื่อทำการจารอักขระ ซึ่งเป็นหัวใจของพระคาถาด้านมหาอุด และคงกระพันชาตรี ตะกรุดโทนหลวง พ่อเพี้ยน สร้างประสบการณ์ลือลั่นท้องทุ่งบ้านหมี่ รวมทั้งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในหมู่นักนิยมสะสมวัตถุมงคลของขลัง
แต่ปัจจัยจากการเช่าบูชาทุกบาททุกสตางค์ หลวงพ่อไม่เคยนำเข้าพกเข้าห่อใช้จ่ายส่วนตัว แต่ท่านจะนำปัจจัยไปใช้ในด้านการพัฒนาวัดวาอาราม วัดเกริ่นกฐิน ในยุคหลวงพ่อเพี้ยน ปกครองเป็นเจ้าอาวาส ได้เกิดสิ่งใหม่ๆ มากมาย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก อวดสายตาแก่ญาติโยม อาทิ ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ 2 ชั้น หอฉัน หอสวดมนต์ หอระฆัง กุฏิสงฆ์ ศาลาอเนกประสงค์ อุโบสถ เมรุ เจดีย์พิพิธภัณฑ์ โดยตั้งกองทุนมาจากการสร้างพระกริ่งอัคคธัมโม และเหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงพ่อเพี้ยน มิได้มุ่งเน้นการพัฒนาภายในวัดของท่านเพียงอย่างเดียว ยังมองไปถึงปัญหาของชุมชนอีกด้วย อาทิ ได้สร้างถนนลาดยางจากถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ เข้าสู่หมู่บ้าน นอกจากนี้ ในด้านการศึกษา ยังได้จัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนวัดสระกระเบื้อง ใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านบาท อีกด้วย
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา หลวงพ่อเพี้ยน ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนาม พระครูวิมลสมณวัตรเข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ณ วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา สร้างความปลาบปลื้มให้กับคณะศิษย์เป็นอย่างมากภายหลังเข้ารับการอุปสมบทได้ย้ายไปพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน เพื่อบำเพ็ญสมณกิจ สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา และได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อปาน เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ในยุคนั้น
หลวงพ่อปานได้กล่าวเน้นย้ำเป็นการเตือนสติอยู่เสมอว่า คนเราจะทำการใดๆ ต้องมีจิตที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการศึกษา หัวใจของการศึกษาวิชาอาคมให้บังเกิดผล ถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเริ่มที่สติ เมื่อสติมั่นคงก็จะบังเกิดเป็นสมาธิ ทำให้เกิดปัญญา สามารถทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อถึงขั้นนั้นจะทำสิ่งใดๆ ย่อมได้ผล ดังนั้น เมื่อหลวงพ่อเพี้ยนได้ฝึกจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปาน ทำให้การเรียนด้านวิชาอาคม บังเกิดความก้าวหน้า และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านโดยทั่วไป